เกิดที่จังหวัดพะเยา เมื่อ พ.ศ. 2528
พำนักและทำงานอยู่จังหวัดเชียงราย
1) พญาปราบ (เวลคัมดริ้งค์), 2567
ประติมากรรม: เหล็ก ผ้า และสีอะคริลิก, สูง 500 ซม.
2) สึ่ม (กระซิบ), 2567
ประติมากรรม: เหล็ก ผ้า และสีอะคริลิก, สูง 500 ซม.
3) เอิ้น, 2567
ประติมากรรม: เหล็ก ผ้า และสีอะคริลิก, สูง 500 ซม.
ยามคุณเยือนต่างบ้านต่างเรือน ย่อมมีเจ้าของบ้านมาคอยดูแลด้วยความอบอุ่น นักปราชญ์ อุทธโยธา ศิลปินหนุ่มจากแดนเหนือได้สร้างบรรยากาศต่างถิ่นอันน่าประทับใจด้วยหุ่นไล่กาขนาดยักษ์ที่วางตัวอยู่ 4 จุด ภายในจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม
จุดที่ 1 บริเวณทุ่งนาข้างแนวทิวสน หุ่นไล่กาเจ้าบ้านในลุคชายหนุ่มสุดมาดเข้ม แต่งกายแบบพื้นถิ่นผสมผสาน เพื่อแสดงถึงชีวิตที่ใช้ร่วมกบไร่ นา ป่า ดอย ด้วยการสวมเสื้อม่อฮ่อมสีคราม ผ้าพันคอและพันเอวหลากสีสัน พร้อมกับนุ่งโจงกระเบนและรองเท้าสีขาว รอคอยแขกผู้มาเยือนด้วยท่าทางอันรื่นเริงชวนสนุก ใบหน้าที่โห่ร้องเรียกหาพร้อมแก้วน้ำในมีอที่ยกขึ้น เป็นดั่งการเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมม่วนร่วมหรรษากับวัฒนธรรมที่น่าค้นหาใน จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม หุ่นไร่กายักษ์ตัวนี้ถูกจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งใกล้กับประตูทางเข้า-ออกของฟาร์ม ถือเป็นหุ่นตัวแรกที่ผู้คนจะได้พบเห็น เป็นทั้งการต้อนรับและส่งแขกอันอบอุ่น ชวนให้อยู่ในความทรงจำของทุกคนที่ได้เดินทางผ่านเข้ามา
จุดที่ 2 บริเวณทุ่งดอกไม้
นักปราชญ์นำเสนอหุ่นไร่กาด้วยคู่หนุ่มสาวชาวอีสานที่จูงมือกันมามอบความรักให้กับผู้เข้าชม หุ่นชายหนุ่มโพกผ้าเหนือหน้าผากอย่างมีเอกลักษณ์ สวมเสื้อม่อฮ่อม นุ่งจงกระเบนขาว พร้อมมีผ้าพันไหล่และเอว ส่วนหุ่นหญิงสาวทัดดอกไม้สีสดใสเช่นเดียวกับดอกไม้ในทุ่งอย่างสะดุดตา ทั้งสวมใส่ม่อฮ่อมคู่ผ้านุ่งอย่างมีเสน่ห์ เจ้าที่เจ้าทาง เป็นชื่อของผลงานชุดนี้ ตอกย้ำถึงการเป็นผู้ที่อยู่อาศัยบนพื้นที่แห่งนี้มาอย่างเนิ่นนาน หุ่นทั้งสองตัวนี้อาจไม่ใช่เพียงตัวแทนของผู้คนท้องถิ่นอีสาน แต่ยังคงเป็นดั่งจิตวิญญาณที่ยึดโยงความสัมพันธ์ของทุกสรรพสิ่งในพื้นที่ พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้คนต่างถิ่นได้ค้นหา
ในบริเวณทุ่งดอกไม้ไม่ไกลนักสำหรับหุ่นหนุ่มสาว หุ่นชุดที่ 3 เผยตัวอย่างยิ่งใหญ่กว่าเก่าด้วยรูปลักษณ์ที่มีมากกว่าคน หุ่นชุดนี้ถูกออกแบบมาในรูปมาของชายหนุ่มกำลังนั่งกระซิบรักกับหญิงสาวบนหลังของโครงประติมากรรมรูปควายที่ถูกประดับด้วยริ้วผ้าหลากสี หากลองพิจารณาท่าทางของคู่รักบนหลังควายนี้มันอาจชวนเราให้นึกถึงจิตรกรรมฝาผนังชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งของเมืองไทย คือ ปู่ม่านย่าม่าน หรือภาพหนุ่มสาวกระซิบรักที่ปรากฏอยู่ที่ วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน อันเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความรักเหนือกาลเวลา การนำสัญลักษ์ของความรักจากแดนเหนือมาประยุกต์ปรับแสดงในภาคอีสาน เป็นเหมือนการส่งมอบและเชื่อมโยงความรักจากแดนไกล หรือสื่อถึงความรักที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกที่ ทุกผู้คน ทุกภูมิภาค ซึ่งผู้ที่ได้มาเข้าชมงานชิ้นนี้พร้อมกับทุ่งดอกไม้บานสะพรั่ง อาจได้ตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว
หุ่นไล่กาบริเวณนาข้าวใกล้กับหมู่บ้านอีสานนี้ ถือเป็นหุ่นไล่กาชุดสุดท้ายจากทั้งหมดสำหรับงานของนักปราชญ์ในปี 2567 เป็นหุ่นไร่กาที่โชว์ตัวได้อย่างยิ่งใหญ่ไม่น้อย หน้าไปกว่าหุ่นตัวอื่น ๆ ที่ผ่านมา หุ่นไร่กาชุดนี้ประกอบด้วยคนสามคนที่กำลังขี่หลังควายในท่าทางสนุกสนาน แขนที่แผ่ออกกว้างของหุ่นผู้ชายตัวหน้าเป็นดั่งการเชื้อเชิญให้แผ่สายตามองไปรอบ ๆ โดยเฉพาะฉากด้านหลัง ซึ่งเป็นเหล่าเฮือนอีสานและเรือนไทยญวณโบราณ ที่นำมาจัดเรียงกันเป็นหมู่บ้านเพื่อแสดงถึงรากเหง้าของการอยู่อาศัย ขณะเดียวกันบริเวณด้านหน้าและด้านข้างของหุ่นก็รายล้อมไปด้วยทุ่งข้าวสีแปลกตา อันเป็นภาพสะท้อนของวิถีชีวิตและการพัฒนาที่แตกต่างไปจากเดิม หุ่นชุดนี้ที่ตั้งอยู่ระหว่างบรรยากาศที่กล่าวมา จึงเป็นเหมือนภาพสะท้อนของชาวอีสานที่ยังคงอนุรักษณ์ความดั้งเดิมเก่าแก่ แต่ก็ไม่เคยหยุดที่จะมองข้างหน้า พร้อมกับเปิดบ้านโห่ร้องต้อนรับผู้คนให้มารบรู้การผสมผสานวัฒนธรรมอย่างน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นใน จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม
นักปราชญ์ อุทโยธา เป็นศิลปินสหสาขาที่ทำงานหลากหลายรูปแบบ ทั้งงานจิตรกรรม ประติมากรรม รวมถึงงานศิลปะจัดวางเฉพาะพื้นที่ นักปราชญ์ได้ร่วมแสดงงานในโอกาสต่างๆ หลายครั้ง และที่สำคัญที่สุดคือการฝากผลงาน ในน้ำมีปลา ในนามีแมว ในงานมหกรรมศิลปะ ไทยแลนด์เบียนนาเล่เชียงราย ปี 2566 ที่ได้ออกแบบปลูกข้าวในทุ่งนาพื้นที่หมู่บ้านซอนซุงเป็นรูปแมว 3 ตัว